ขับถ่ายแบบไหน? เรียกว่า “ท้องผูก”
ลักษณะของการขับถ่ายอุจจาระที่บอกได้ว่ามีเกณฑ์ผิดปกติ คือ เมื่อจำนวนครั้งในการขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
ร่วมกับลักษณะของอุจจาระที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ก้อนมีขนาดเล็กลง หรือก้อนแข็งขึ้น เวลาถ่ายต้องออกแรงเบ่งให้หลุด
และใช้เวลานานกว่าจะขับถ่ายเสร็จ เมื่อปล่อยให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรังไปนานๆ หากคุณมีภาวะนี้อาจนำไปสู่ความเสี่ยง
ต่อการเป็นริดสีดวงทวาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
ไม่ปวดอย่าฝืน เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่อันตราย
หลายคนยังมีความเข้าใจแบบผิดๆ ว่า.. “คนเราต้องขับถ่ายอุจจาระทุกวัน” เมื่อไม่รู้สึกว่าต้องการขับถ่ายก็จะพยายาม
ออกแรงเบ่ง ซึ่งพฤติกรรมการขับถ่ายแบบนี้เป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงทวารได้
ดังนั้น หากปรับพฤติกรรมเรื่องการกิน การออกกำลังกายแล้ว ยังไม่รู้สึกว่าต้องการขับถ่ายในทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
ถ้าจำนวนครั้งของการถ่ายในแต่ละสัปดาห์ยังเหมือนเดิม
ปรับพฤติกรรม...ป้องกันอาการท้องผูก
-
ขับถ่ายให้เป็นเวลา โดยเวลาที่เหมาะสม
ในการขับถ่ายคือหลังตื่นนอนในตอนเช้า
เพราะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากถ่าย -
ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน
โดยแบ่งดื่มในแต่ละช่วงเวลา ครั้งละ 1-2 แก้ว
แต่ไม่ควรดื่มน้ำปริมาณมากๆ แบบรวดเดียว -
ออกกำลังกายเป็นประจำการออกกำลังกาย
และเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
เลือกทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
สำหรับคนที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังมานาน นอกจากผักและผลไม้
ที่มีเส้นใยอาหารที่เราทานกันอยู่ทุกวันแล้ว อาจจะเสริมด้วยอาหารบางประเภทที่มีฤทธิ์ช่วยระบาย หรือช่วยให้การขับถ่ายเราดีขึ้น
อย่างเห็นได้ชัด อย่าง ลูกพรุน เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากเป็นพิเศษ และเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้เร็ว
และให้ผลได้เร็ว และยังมีอาหารที่มีฤทธิ์ช่วยระบายอื่นๆ อีกเช่น มะเดื่อฝรั่ง กีวี่ มะขามแขก เม็ดแมงลัก ใบขี้เหล็ก มะขามเปียก
กล้วยน้ำว้า เป็นต้น
ท้องผูก ถ่ายยาก ลำไส้แปรปรวน โพรไบโอติกส์ช่วยได้
โพรไบโอติกส์ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จุลินทรีย์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วจะไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ เพื่อช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่แต่เดิมในลำไส้
ทำให้แบคทีเรียที่ดีมีจำนวนมากขึ้น และแบคทีเรียที่ไม่ดีจำนวนลดลง ทำให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหา ท้องผูก ได้ด้วย
ปกติแล้วร่างกายคนเรามีจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี แต่ถ้าจุลินทรีย์ในลำไส้มีความสมดุลจะช่วยส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้นทั้งใน
ด้านอารมณ์การนอน การย่อยอาหาร และการลดน้ำหนัก แต่พฤติกรรมของเราบางอย่างกลับทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล
เช่น กินอาหารที่ไม่ดี เครียด พักผ่อนน้อย อายุที่เพิ่มขึ้น โรคต่างๆ การใช้ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิด หรือการบำบัดโรค
ด้วยวิธีฉายรังสี การกินอาหารที่มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์มีชีวิตในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยทำหน้าที่ปรับสมดุลของจุลินทรีย์
ในทางเดินอาหารได้ และการเสริมโพรไบโอติกส์ตามที่ร่างกายขาด (Personalized Probiotics) ก็จะยิ่งช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ โพรไบโอติกส์
-
ป้องกันอาการท้องผูกและท้องเสีย
-
ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้
-
ช่วยให้อาการหลังหายจากโควิดเบาลง
-
ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น